วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

25 วิธีมีความสุขกับสิ่งรอบตัว

1. คิดใหม่ใช้ชีวิตราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย คนที่ป่วยหนักใกล้ตาย จะไม่ปล่อยเวลาให้สายเกินไปอีกแล้ว จะ ท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง หรือติดต่อพบปะเพื่อนฝูง เราทุก คนก็ควรตระหนักว่าอาจไม่มี “พรุ่งนี้ ” ก็ได้
2. จดบันทึก เขียนเล่าเรื่องถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณทุกวัน การจดบันทึกช่วย แก้ปัญหาและขจัดเรื่องไม่ดีที่ รกสมองออกไปได้ด้วย
3. มองในแง่มุมอื่นบ้าง ลองคิดว่าคุณอยากให้คนอื่นจดจำคุณในด้านใด หรือหากวันหนึ่งต้องเล่า เรื่องชีวิตตนเองให้หลาน ๆ ฟังคุณจะเล่าอะไร แล้วคุณพลาดการนัดกับเพื่อน เพื่อไปดูหนัง ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อมอง ย้อนกลับไป
4. อย่าให้เรื่องเล็กน้อยกวนใจ ไม่คุ้มหรอกที่จะหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากคนขับรถ ข้าง ๆ ไม่ยอมให้คุณเบียดเข้าเลน ก็ยิ้มและโบกมือให้เขา ไปเลย
5. ทำงานยากให้เสร็จ ลงมือได้แล้ว อย่าผัดวันประกันพรุ่ง โอ้เอ้ไปก็มีแต่ทำให้ หนักใจเหนื่อย กาย ไหน ๆ งานนี้ก็ต้องทำโดยไม่มีทาง หลีกเลี่ยง ก็น่าจะทำให้เสร็จ ๆ ไปเลย
6. เลิกทำตัวจำเจ ชีวิตคงน่าเบื่อหากทำอะไรซ้ำซากทุกวันทุกสัปดาห์ เราน่าจะมีเรื่องแปลก ใหม่มาทำให้หัวใจกระชุ่มกระช่วย บ้าง เปลี่ยนแปลงตัวเองด้านการแต่งกาย ทรงผม ทานอาหารรสชาดใหม่ๆ
7. อย่าเปรียบตัวเองกับคนอื่น ใครจะมีสระว่ายน้ำ บ้านหลังใหญ่ๆ รถหรูคันใหม่ไม่ต้อง สนใจ หากดูให้ดี ๆ คุณอาจพบว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องทำ งานสัปดาห์ละเจ็ดวัน ไม่มีเวลาเจอคนในบ้านหรือเพื่อนฝูง หรืออาจต้องผ่อนหนี้สินไปอีกหลายสิบปี
8. กำจัดข้าวของรกบ้าน เสื้อผ้า ของเล่น หนังสือเก่า ที่ไม่ใช้แล้ว ยกไปบริจาคเถิด ได้บุญกุศล
9. รู้จักเอ่ยคำว่า “ ไม่ ” ไม่ต้องลงมือทำเองทุก เรื่องเพราะชีวิตคุณก็วุ่นวายพออยู่แล้ว
10. รดน้ำต้นรัก รักคู่ครองของคุณอย่างที่เขาเป็นที่คุณคิดว่าเขาเปลี่ยนไป นั้นเป็นความจริงหรือทุกอย่างเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งก็ ต้องบำรุงรักษาเป็นของธรรมดา ความสัมพันธ์ฉันสามี ภรรยาก็เช่นกัน ต้องมีการดูแลใจใส่กันบ้าง
11. อย่าให้ความคุ้นเคยกลายเป็นไม่ไว้หน้า หากคุณให้เกียรติเพื่อน หรือผู้อื่น คู่ครอง และคนใน ครอบครัว คุณก็ควรได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน
12. มอบความรักให้คู่ครอง ครอบครัว และเพื่อน ๆ อย่าเขินที่จะบอกคนเหล่านี้ว่า คุณ “ รัก ” พวกเขาตรงไหน เมื่อ เขาทำอะไรดี ๆ ก็กล่าวคำชื่นชม บ้าง คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยทำร้ายใคร
13. อย่ารับปรับทุกข์ทุกเรื่อง หากปัญหาของเพื่อนเริ่มมีผลกระทบต่อตัวคุณก็ไม่ต้องฝืน ทำตัวเป็นเสาหลักให้เขาพิงอยู่เรื่อยไป ให้เพื่อนหัดแก้ ปัญหาและก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง
14. ติดต่อเพื่อนเก่า ยังไม่สายเกินไปที่จะโทรศัพท์ ส่งอีเมล์ หรือเขียน จดหมายถึงเขา ส่ง SMS
15. บำรุงอารมณ์ด้วยสีเขียว ตัดดอกไม้สดจากสวน หรือตื่นแต่เช้าไปตลาดซื้อดอกไม้ ที่สดใสนำมาใส่แจกัน
16. ไปทะเลกันดีกว่า ทิวทัศน์กว้างไกล สายลม เกลียวคลื่น สองเท้าเปลือย เปล่าย่ำบนผืนทราย และแสงแดดลูบไล้แผ่นหลัง ไม่มีอะไรทำให้จิตใจเริงรื่นชื่นบานได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
17. สร้างสรรค์ผลงาน จะเป็นภาพเขียน เย็บปักถักร้อย อบขนม จัดสวน หรือ อะไรก็ได้
18. สูดอากาศบริสุทธิ์ ออกไปข้างนอกหรือเปิดหน้าต่างกว้าง ๆ สูดหายใจให้เต็ม ปอด คุณจะรู้สึกว่าอากาศเสียถูกขับออกจากตัว
19. ออกไปเดินเล่น การออกกำลังกายเบา ๆ จะช่วยเติมชีวิตชีวาให้คุณทั้ง ร่างกายและจิตใจ
20. ดูหนังตลกและหัวเราะให้สบายใจ
21. ย้ายเครื่องเรือนและของแต่งบ้าน หรืออาจทาสีห้อง และผนังใหม่ด้วย
22. รอคอยสิ่งดี ๆ เช่น วันหยุดพักร้อน ออกท่องราตรี กับเพื่อนฝูง ไปดูหนัง ฟังเพลง หาร้านอาหารอร่อย ๆ ที่ ไม่เคยไป รอโทรศัพท์จากคนรู้ใจ
23. ชวนเพื่อน/ คนรู้จัก หรือใครก็ได้ มากินมื้อค่ำ จัดห้องโต๊ะอาหารที่บ้านให้แปลกไปจากเดิม เสริฟ์เครื่องดื่ม ค็อกเทล เปิดเพลงเสริมบรรยากาศ สนุกกับการเตรียม อาหาร ทุกคนจะปลาบปลื้มหากเห็นว่าคุณทุ่มสุดฝีมือ แล้วค่ำ คืนนั้นก็จะครึกครื้น
24. ยิ้มไว้ ยิ้มเป็นโรคติดต่อ ไม่เชื่อลองยิ้มดูสิ
25. ทำให้คนอื่นมีความสุขบ้าง ทำเพื่อตัวเองมามากแล้วก็น่าจะทำเพื่อคนอื่นบ้าง อาสาช่วยงานกุศล บริจาค พากันไปท่องเที่ยวหา ความสุข หรือช่วยทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คนอื่นมีความสุข

อ้างอิง http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1044174&order_reply=0

น้ำผลไม้ ทำให้ร่างกาย ดูดซึมยาได้ไม่ดี

ผลการศึกษาของแคนาดา พบว่า น้ำผลไม้บางชนิด เช่น น้ำส้ม น้ำแอปเปิล และน้ำเกรพฟรุต อาจไปขัดขวางกระบวนการดูดซึมยาในร่างกาย ทำให้ยาที่กินเข้าไปรักษาโรคได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะยาที่ใช้รักษาโรคหัวใจ มะเร็ง รวมถึงยาที่ใช้บำบัดอาการติดเชื้อ หรือ ควบคุมอาการต่อต้านที่เกิดกับร่างกาย หลังได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์น ออนแทรีโอ ในแคนาดา ทดลองให้อาสาสมัครสุขภาพดี ใช้ยาแก้แพ้เฟโซเฟอนาดีน ควบคู่ไปกับการดื่มน้ำเกรพฟรุต อีกกลุ่มให้ยาแก้แพ้ประเภทเดียวกันพร้อมดื่มน้ำที่มีส่วนผสมของสารนารินจีน ซึ่งจะทำให้น้ำผลไม้มีรสขม และอีกกลุ่มรับยาพร้อมดื่มน้ำเปล่า
ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ดื่มน้ำเกรพฟรุต จะดูดซึมยาแก้แพ้ได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ดื่มน้ำเปล่า ส่วนกลุ่มที่ดื่มน้ำผสมสารนารินจีน ก็จะดูดซึมยาได้ไม่ดีเช่นกัน เพราะสารตัวนี้จะไปขัดขวางไม่ให้ลำไส้เล็กดูดซึมยาเข้าสู่กระแสเลือดได้สะดวก
ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงแนะนำให้คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนจะกินยาพร้อมกับดื่มน้ำผลไม้ แต่ทางที่ดีควรกินยาพร้อมดื่มน้ำเปล่าตามลงไปจะดีที่สุด เพราะจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมยาได้ตามปกติ นักวิจัยยังคาดว่า น่าจะมียาอีกหลายประเภทที่ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดี ถ้ารับประทานร่วมกับน้ำผล

อ้างอิง www.yenta4.com